ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ประวัติการ์ตูน มิกกี้ เมาส์

ชื่อ MICKEY MOUSE (อังกฤษ: Mickey Mouse) เป็นตัวละครการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลก มีลักษณะเป็นหนูสีดำ สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 โดยวอลต์ ดิสนีย์ และอับ ไอเวิร์กส ให้เสียงโดยวอลต์ ดิสนีย์

จุดกำเนิดของมิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่วอลต์ ดิสนีย์ นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดง ขึ้นมา โดยมีอับ ไอเวิร์กส ออกแบบรูปร่างลักษณะ การ์ตูนเสียงเรื่องแรก "เรือกลไฟวิลลี่" (Steamboat Willie)[1] เข้าฉายครั้งแรกที่ มอสส์โคโลนี่เธียเตอร์[2] โดยทางนิวยอร์กไทม์เขียนไว้ว่า "เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก"

บุคลิกของมิกกี้ เมาส์ คือ มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้น ถ่อมตัวและเรียบง่าย ซื่อสัตย์ ชอบร้องอุทาน "Gosh" หรือบางครั้งก็ "Oh boy!", "Aw-Gee" ,"Uh-Oh!" ชอบอ่าน Newsweek, time, Life, National Geographic, Good Housekeeping มีหวานใจชื่อว่ามินนี่เมาส์ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลกเช่นกัน นอกจากนี้มิกกี้เมาส์ยังมีสุนัขสีน้ำตาลแสนรัก ชื่อว่า พลูโตที่เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ฉลาดและแสนรู้



จุดกำเนิดของมิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่วอล์ต ดิสนีย์ นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดง ขึ้นมา โดยมีอับ ไอเวิร์กสออกแบบรูปร่างลักษณะ การ์ตูนเสียงเรื่องแรก "Steamboat Willie" เข้าฉายที่ New York's Colony Theatre โดยทางนิวยอร์กไทม์เขียนไว้ว่า "เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก"

บุคลิกของมิกกี้ เมาส์คือ มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้น ถ่อมตัวและเรียบง่าย ซื่อสัตย์ ชอบร้องอุทาน "Gosh" หรือบางครั้งก็ "Oh boy!", "Aw-Gee" ,"Uh-Oh!" ชอบอ่าน Newsweek, time, Life, National Geographic, Good Housekeeping


แหล่งที่มา http://www.toon-land.com/Toon-land/home/NWIndexAction.do?frmPage=365&

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ประวัติการ์ตูน มินเนี่ยน



มินเนียน (อังกฤษ: Minions) เป็นภาพยนตร์แนวตลกของ อิลลูมิเนชั่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์ โดยเป็นภาพยนตร์ปฐมบท/สปินออฟ ของภาพยนตร์เรื่อง มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด (2011) และ มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด 2 (2013) เขียนเรื่องโดย ไบรอัน ลินช์ กำกับโดยปิแอร์ คอฟฟินและไคล์ บัลดา และ อำนวยการสร้างโดย คริส เมเลแดนดรีและเจเน็ต เฮย์เล่ย์[8] นำพากย์โดย ซานดรา บุลล็อก ในบท สการ์เล็ต โอเวอร์คิลล์ และ จอน แฮมม์ ในบทสามีของสการ์เล็ต เฮิร์บ โอเวอร์คิลล์ มีกำหนดฉายในสหรัฐอเมริกาวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 และมีกำหนดในประเทศไทยวันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 โดยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกกล่าวถึงครั้งแรกหลังจบช่วงเครดิตในภาพยนตร์ มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด 2[9]

เรื่องย่อ

มินเนียน สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ตัวสีเหลือง พวกเขาวิวัฒนาการขึ้นมาจากเซลล์เล็กๆ เพียงเซลล์เดียวตั้งแต่อดีตกาล พวกเขาทั้งเล็ก แถมมีนิสัย และรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกัน คือพวกเขาต้องการรับใช้จอมวายร้ายสุดแสบทุกราย แต่ให้หลังจากการทำลายหัวหน้าของพวกเขาสารพัด ไม่ว่าจะเป็น ทีเร็กซ์ เจงกีส ข่าน นโปเลียน และแดรกคูลา พวกเขาตัดสินใจที่จะหลีกหนีความวุ่นวายและทำให้หายไปจากโลกนี้ด้วยการไปใช้ชีวิตตามลำพังที่แอนตาร์กติกา
แต่พวกเขากลับพบว่า เมื่อไปใช้ชีวิตแบบนั้นมันทำให้พวกเขาไม่มีความสุขในชีวิตเลย ในปี 1968 (42 ปี ก่อนพบเฟลูเนียส กรู) เควิน หนึ่งในมินเนียนได้ตัดสินใจที่จะออกเดินทางค้นหาจอมวายร้ายเพื่อคืนความสุขให้กับพวกมินเนียนอีกครั้ง เขาตัดสินใจรวมทีมกับ สตวร์ท มินเนียนแรกหนุ่ม และ บ็อบ เด็กน้อยผู้น่ารัก เพื่อร่วมออกเดินทางในครั้งนี้ด้วย จนกระทั่งไปพบกับ สการ์เล็ต โอเวอร์คิลล์ (ซานดรา บุลล็อก) จอมวายร้ายหญิงยอดนิยมในยุคนั้นภายในงานชุมนุมจอมวายร้าย 1968 สการ์เล็ต ตัดสินใจจ้างทั้งสามคนเข้าทำงานในฐานะลูกสมุนใหม่ แต่ความปั่นป่วนของลูกสมุนชุดนี้ ทำให้สการ์เล็ตแอบวางแผนอะไรบางอย่างโดยที่พวกเขาไม่รู้ในระหว่างการเดินทางรอบโลกจนกระทั่งถึงที่หมายสุดท้ายคือ ลอนดอน ที่ๆ พวกเขาจะได้รับใช้สการ์เล็ตในครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จนสิ้นซาก

แหล่งที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99_(%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C)


ประวัติการ์ตูน รีแลคคุมะ



Rilakkuma
ตอนนี้กระแสเจ้าหมีพักผ่อน หมีชิล หรือเจ้าหมีขี้เกียจ Rilakkuma (リラックマ) คาแร็คเตอร์จาก ค่าย San-xประเทศญี่ปุ่น กำลังมาแรงเหลือเกินในประเทศไทย แล้วก็เชื่อว่าในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกก็เช่นเดียวกัน และเนื่องจากในช่วงเดือนกันยายนในปี 2003 นั้นเป็นเดือนที่ San-x ได้เปิดตัวเจ้าหมีรีแลคคุมะออกมาให้ทุกคนได้รู้จักกัน จึงขอแนะนำความเป็นมาของเจ้าหมีสีน้ำตาลและผองเพื่อนสุดน่ารักน่ากอดให้ทุกคนได้รู้จักกันอย่างคร่าวๆ ซักหน่อยก็แล้วกันนะ มาเริ่มกันที่ ประวัติ ความเป็นมา ของเจ้าหมีพักผ่อน รีแลคคุมะ กันก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ
Rilakkuma เป็นคาแร็คเตอร์ในบริษัท San-x ออกแบบโดยนักออกแบบคาแร็คเตอร์ Aki Condo ผู้ออกแบบนั้นได้แรงบัลดาลใจมาจากความสนใจที่จะเลี้ยงสัตว์ เพื่อไว้ผ่อนคลายความเครียดจากการงานที่ยุ่งเหยิงบ้าง แต่ด้วยการทำงานที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลาทำให้ได้แต่คิด หลังจากนั้นเธอก็ทำให้ไอเดียที่อยู่ในจินตนาการของเธอเกิดมาเป็นคาแร็คเตอร์ที่ชอบใช้ชีวิตแบบสบายๆ มีท่าทางรีแล็กซ์อยู่ตลอดเวลา และคาแร็คเตอร์ประเภทหมีนั้นผู้ออกแบบยังไม่เคยได้ลองออกแบบซักที จึงกลายมาเป็น เจ้าหมีสีนำตาล รีแลคคุมะ เป็นคาแร็คเตอร์ลำดับที่สามในการออกแบบของเค้าต่อจากAmaguri Chan และ Mikan Bouya ที่ออกแบบไปเมื่อปี 2002
ที่มาของชื่อ Rilakkuma นั้นมาจากคำศัพท์สองคำในภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นเอามารวมกัน ดังนี้ Relax ในภาษาอังกฤษที่แปลว่า ผ่อนคลาย สบายๆ ชิลๆ (หากเขียนในสไตล์ทับศัพท์โรมันจิแบบภาษาญี่ปุ่นจะเขียนได้ดังนี้ Rilak) และ Kuma ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า หมี พอเอามารวมกันจึงกลายเป็น Rilakkuma ซึ่งแปลแบบตรงตัวว่า หมีพักผ่อน หมีชิล หรือเจ้าหมีขี้เกียจ แบบไหนก็ได้แล้วแต่จะชอบเรียกกัน แค่การตั้งชื่อก็รู้สึกรีแล็กซ์กันขึ้นมาบ้างแล้วใช่มั้ย
ต่อมาในปี 2004 เพื่อนซี้ของรีแลคคุมะก็ได้ถูกเปิดตัวขึ้นมา นั่นก็คือ น้องหมีสีขาวตัวเล็ก น่ารักแข็งแรง แสนซน เธอชื่อว่า Korilakkuma และ นกสีเหลืองผู้รักความสะอาดเป็นที่หนึ่ง Kiiroitori ไปดูประวัติส่วนตัวของรีแลคคุมะและเพื่อนๆ กันบ้างดีกว่า
ประวัติ Rilakkuma
 
ชื่อจริง : Rilakkuma (リラックマ)
เพศ : ผู้ชาย
ลักษณะภายนอก : เป็นหมีสีน้ำตาล มีใบหู อุ้งมือ อุ้งเท้าเป็นสีเหลือง มีซิปด้านหลังเมื่อรูดซิปลงมาจะเห็นจุดสีฟ้าเป็นลวดลายเรียงกันอย่างสวยงาม ตัวอ้วนกลม หน้าตาไม่ค่อยยิ้มแย้มออกแนวเฉยๆ ความสูง 165 ซ.ม. ของรีแลคคุมะเคยถูกเปิดเผยในช่วงปี 2006 แต่ในปัจจุบันข้อมูลเหล่านั้นได้ถูกลบเลือนไปเพราะอาจมีผลในการผลิตตุ๊กตาเมื่อมีการจำกัดความสูงที่แท้จริง
อาหารโปรด : ขนมดังโงะ แพนเค้ก ข้าวห่อไข่ และพุดดิ้งคัสตาร์ด
ลักษณะนิสัย : ชอบงีบหลับ นอนตะแคง นอนคว่ำ กลิ้งไปกลิ้งมา ชอบดูทีวี ชอบนอนฟังเพลงคลาสสิค ชอบแช่น้าพุร้อน ทำบ้านรก และขี้เกียจมาก
ไอเทมสุดโปรด : เบาะรองนั่งอเนกประสงค์คล้ายๆ หมอน สีเหลือง ของ คาโอรุ ซึ่งเป็นสาวออฟฟิศผู้เลี้ยงดูเจ้าคุมะตัวนี้
 
ประวัติ Korilakkuma
ชื่อจริง : Korilakkuma (コリラックマ)
ที่มาของชื่อ Ko (子) ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า เด็ก หรือ สิ่งเล็กๆ ประมาณนี้ เมื่อมารวมกับคำว่าrilak และ kuma ก็จะได้ชื่อ โคะรีแลคคุมะ ออกมา แปลความหมายของชื่อแบบตรงตัวได้ว่า หมีพักผ่อนตัวเล็ก
เพศ : ผู้หญิง
ลักษณะภายนอก : เป็นหมีสีขาว มีใบหู อุ้งมือ อุ้งเท้าเป็นสีชมพู ไม่มีซิปด้านหลังเหมือนรีแลคคุมะ แต่มีกระดุมสีแดงอยู่ตรงกลางหน้าอกแทน ตัวเล็กอ้วนกลม
อาหารโปรด : สตรอเบอร์รี่ , แอปเปิ้ล และ เชอร์รี่
ลักษณะนิสัย : ชอบเล่นซน อารมณ์ดี ชอบฟังเพลงจากเครื่องเล่นของเธอเองและเปิดเสียงดังสุดๆ ชอบแกล้งรีแลคคุมะต่างๆ นาๆ บางทีก็แอบเขียนหน้าหมีใหญ่ และ ชอบเลียนแบบรีแลคคุมะ แต่งชุดเลียนแบบบ้าง ออกเสียงพูดเลียนแบบบ้าง
ไอเทมสุดโปรด : คุณเป็ดวิทยุบังคับ เรียกว่า Ahiru no Rajicon (アヒルのラジコン)

ประวัติ Kiiroitori
ชื่อจริง : Kiiroitori (キイロイトリ)
ที่มาของชื่อตรงกับลักษณะของคาแร็คเตอร์ตัวนี้อยู่พอดี Kiiro (キイロイ) แปลว่า สีเหลือง tori (トリ) แปลว่า นก รวมกันอ่านว่า คิอิโระอิโทะริ แปลความหมายของชื่อแบบตรงตัวได้ว่า นกสีเหลือง (ดูเหมือนว่าบางคนคิดว่าเจ้าตัวนี้เป็นไก่หรือเป็ดซะงั้น แต่ก็เหมือนมากจริงๆ แหละ) เจ้าตัวนี้ถูก คาโอรุ เก็บมาเลี้ยง ตอนแรกก็อยู่ในกรงนกดีอยู่หรอก เพราะเป็นนกที่รักความสะอาดมาก แต่ทนเห็นรีแลคคุมะที่ชอบกินขนมหกเลอะเทอะเปรอะเปื้อน กับโคะรีแลคคุมะที่ชอบเล่นซนไม่ยอมเก็บของเล่นไม่ไหว จึงต้องออกมาอยู่นอกกรง เพื่อเป็นพ่อบ้านคอยทำความสะอาดให้กับเจ้าหมีสุดกวนทั้งสองตัว
เพศ : ทางต้นสังกัดไม่ได้ระบุเพศมาแต่คิดว่าเป็น ผู้ชาย นะ
ลักษณะภายนอก : ขนสีเหลือง ปากสีส้ม ตัวเล็ก อ้วนกลม ปีกสั้น มีผมชี้ตั้งเป็นตัว V อยู่บนหัวสองเส้น
ลักษณะนิสัย : รักสะอาด รู้สึกสนุกเมื่อได้ทำความสะอาด เพราะบางทีอาจได้รับรางวัลจากคาโอรุ ชอบเก็บสะสมเหรียญที่ได้ไปเจอระหว่างการทำความสะอาด และไปเก็บไว้ในขวดแก้วที่มีฝาปิด ชอบปีนขึ้นไปบนตัวของรีแลคคุมะเพราะคิดว่าเหมือนภูเขาหมีซะงั้น และสนุกกับการทำความสะอาดเส้นผมสองเส้นของตัวเองอยู่เสมอ บางทีก็มีท่าทีโมโห ต้องคอยดุตักเตือนเจ้าหมีทั้งสองเวลาที่ทำบ้านรก หรือเล่นซนกันมากจนเกินไป แถมยังต้องซักผ้าให้กับหมีแสบทั้งสองอีกด้วย

แหล่งที่มา http://it.e-tech.ac.th/bcm373/know1.html

ประวัติการ์ตูนหนูน้อยหมวดแดง

ประวัติ และ เนื้อเรื่องที่เปลี่ยนไป

ที่มาของนิทานเรื่องนี้นั้น เป็นเรื่องที่เล่าปากต่อปาก แพร่หลายอยู่ในหลายประเทศในยุโรป ซึ่งคาดว่าเป็นก่อนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเนื้อเรื่องที่ปรากฏ ก็มีหลายฉบับด้วยกัน ซึ่งแตกต่างจากฉบับที่เป็นที่รู้จักและแพร่หลายในปัจจุบัน
ใน La finta nonna ซึ่งเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่ของอิตาลีนั้น หนูน้อยได้ใช้ความกะล่อนของเธอ เอาชนะหมาป่าด้วยตัวเธอเอง โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก เพศชาย หรือ เพศชายที่มีอายุมากกว่า ซึ่งในภายหลังนั้นได้มีการเพิ่มตัวละครเพศชายเพื่อลดบทบาทของหนูน้อยซึ่งเป็นเพศหญิงลงไป โดยแสดงให้เห็นว่าเพศหญิงนั้น ยังต้องการความช่วยเหลือปกป้องจากเพศชายซึ่งแข็งแรงกว่า ซึ่งในเนื้อเรื่อง ก็คือคนตัดไม้นั่นเอง
Le Petit Chaperon Rouge เท่าที่ทราบโดยทั่วไป เป็นฉบับแรกสุดที่ได้รับการตีพิมพ์จากเนื้อเรื่องนิทานพื้นบ้านของฝรั่งเศส โดยเนื้อเรื่องนั้น ได้ถูกพิมพ์ในหนังสือ Histoires et contes du temps passé, avec des moralités. Contes de ma mère l'Oye ในปี ค.ศ. 1697 ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวม นิทานและเรื่องเล่าต่าง ๆ พร้อมคติสอนใจ โดย ชาร์ลส แปร์โรลต์ (Charles Perrault) เนื้อเรื่องของฉบับนี้[1] จะค่อนข้างรุนแรง เนื่องมาจากความพยายามเน้น ถึงคติสอนใจต่าง ๆ โดยตอนจบของเรื่องนี้ ทั้งคุณยายและหนูน้อยถูกหมาป่าจับกิน คติสอนใจที่ชาร์ลส แปร์โรลต์ ได้ให้ไว้สำหรับเรื่องนี้ ก็คือ เด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กสาว ไม่ควรไว้ใจฟังคำพูดของคนแปลกหน้า และสำหรับหมาป่านั้น แม้เราจะเลี้ยงดูให้อาหาร แต่ก็ยังคงเป็นหมาป่าซึ่งเลี้ยงไม่เชื่อง โดยปกติแล้ว หมาป่าจะต้องเป็นสัตว์ที่มีนิสัยดุร้าย แต่หมาป่าประเภทที่ดูเชื่อง และใจดี นั้นกลับน่ากลัวยิ่งกว่า
ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เรื่องนี้ในฉบับภาษาเยอรมัน ถูกบอกเล่าให้แก่ พี่น้องตระกูลกริมม์ โดยคนพี่ (เจค็อบ กริมม์) ฟังมาจาก Jeanette Hassenpflug (ค.ศ. 1791-1860) ส่วนคนน้อง (วิลเฮล์ม กริมม์) ฟังมาจาก Marie Hassenpflug (ค.ศ. 1788-1856) พี่น้องทั้งสอง ได้รวมเนื้อเรื่องจากทั้งสองฉบับนั้น เป็นเรื่องเดียวในชื่อ Rotkäppchen ไว้ในหนังสือรวมเรื่อง Kinder- und Hausmärchen โดยในฉบับนี้[2] คุณยายและหนูน้อย ได้รับการช่วยเหลือจากนักล่าหมาป่า และภายหลัง หนูน้อยและคุณยายก็ได้ใช้ประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนั้น ในการจับและฆ่าหมาป่าอีกตัวหนึ่ง
ในภายหลังพี่น้องทั้งสอง ได้ปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่อง จนเป็นฉบับปี ค.ศ. 1857 ที่เป็นเนื้อเรื่องที่แพร่หลายในปัจจุบัน[3] ซึ่งเนื้อเรื่องค่อนข้างจะมีจินตนาการสอดแทรกมากกว่าฉบับอื่น ๆ ที่ผ่านมา โดยทั้งหนูน้อยและคุณยายถูกหมาป่าจับกิน แต่ในภายหลังได้มีคนตัดไม้มาช่วย โดยการผ่าท้องหมาป่า ช่วยหนูน้อยและคุณยาย ออกมาได้อย่างปลอดภัย

ประวัติการ์ตูนโคนัน

ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน
    เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องยาวแนวสืบสวนสอบสวน เรื่องและภาพโดย อาโอยาม่า โกโช ซึ่งตีพิมพ์บนนิตยสารรายสัปดาห์โชเน็งซันเดย์  โคนันได้ถูกตีพิมพ์ในหลายภาษา นอกจากภาษาญี่ปุ่นต้นฉบับแล้ว ยังมีภาษาจีน, ฝรั่งเศส, อินโดนีเซีย, อังกฤษ, ฟินแลนด์, เยอรมัน, อิตาลี, มาเลเซีย, เกาหลี, สเปน, สวีเดน, นอร์เวย์, สิงคโปร์, ไทย, ฮ่องกง, เวียดนาม, สหรัฐฯ, แคนาดาและไต้หวัน รวมทั้งสิ้น 19 ประเทศ นอกจากนี้ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ยังได้มีการนำมาทำเป็นการ์ตูนโทรทัศน์, การ์ตูนภาพยนตร์, และไลฟ์ แอ็คชั่น ซี่รี่ส์ อีกด้วย
    เรื่องย่อ
นักเรียนมัธยมปลายวัย 17 ปีคนหนึ่ง ชื่อ คุโด้ ชินอิจิ  มีทักษะพิเศษในการไขคดีจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่น จนได้รับขนานนามว่า เชอร์ล็อก โฮล์มส์ แห่งยุต เฮเซ  วันหนึ่งเขาได้ไปเที่ยวกับเพื่อนสมัยเด็กที่ชื่อ โมริ รัน ที่สวนสนุกท็อปปิโคว์แลนด์และได้ไขคดีการฆาตกรรมบนรถไฟเหาะ ระหว่างทางกลับบ้าน ชินอิจิได้ไปเห็นชายสวมชุดดำ วอดก้ากำลังเจรจาแลกของต้องสงสัย แต่หารู้ไม่ว่ามีชายชุดดำอีกคน ยินแอบอยู่ด้านหลังอยู่และใช้ไม้ฟาดหัวชินอิจิและเอายาพิษAptx4869 ให้กิน ยาพิษนี้ทำให้ชินอิจิตัวหดเล็กลงเท่าเด็กประถม และเพื่อจะสืบหาความจริงว่าคนพวกนั้นเป็นใคร และหายาแก้พิษเพื่อที่จะกลับคืนร่างเดิมอีกครั้ง ชินอิจิจึงกลับไปที่บ้านและไปปรึกษากับดรอากาสะ ฮิโรชิ  นักวิทยาศาสตร์ที่อาศัยอยู่ใกล้บ้านของชินอิจิ หลังจากที่รันกลับจากสวนสนุกทรอปิคอลแลนด์ ก็รีบมาหาชินอิจิที่บ้าน แต่ได้พบกับชินอิจิในร่างเด็กกับดร.อากาสะในห้องหนังสือ เมื่อรันถามชื่อชินอิจิ ชินอิจิจึงตอบไปว่า เอโดงาวะ โคนัน ดร.อากาสะจึงแนะนำให้ชินอิจิไปอาศัยอยู่ที่สำนักงานนักสืบโมริ สำนักงานของ โมริ โคโกโร่พ่อของรันนั่นเอง เพื่อว่าจะมีข่าวคราวใดเกี่ยวกับพวกชายชุดดำ ที่พ่อของรันที่มีอาชีพเป็นนักสืบ โดยที่ไม่บอกความจริงกับใครว่าตนคือคุโด้ ชินอิจิ
เพื่อต้องการหาข่าวคราวของพวกชายชุดดำ โคนันจึงต้องให้โคโกโร่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งจะทำให้มีผู้จ้างวานไปสืบคดีมากขึ้น และจะทำให้มีโอกาสที่จะได้เบาะแสขององค์กรชุดดำมากขึ้นเช่นกัน โดยใช้อุปกรณ์หลักๆ 2 อย่างคือ นาฬิกายิงยาสลบ ยิงให้โคโกโร่สลบ และ หูกระต่ายเปลี่ยนเสียง เพื่อเปลี่ยนเสียงเป็นเสียงโคโกโร่แล้วคลี่คลายคดีแทน จึงทำให้เกิดฉายาว่า โคโกโร่นิทรา ขึ้นเพราะเวลาคลี่คลายคดีจะเหมือนกำลังนอนหลับอยู่นั่นเอง
ชินอิจิเมื่ออยู่ในร่างของเด็กจึงต้องกลับไปเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนประถมเทตันใหม่อีกครั้ง และได้รู้จักกับโยชิดะ อายูมิ,ซึบุรายะ มิซึฮิโกะ,และโคจิมะ เก็นตะเพื่อนร่วมชั้นแล้วได้ก่อตั้งขบวนการนักสืบเยาวชนขึ้นมา
การสืบหาองค์กรชุดดำและยาแก้พิษของโคนันก็ได้ดำเรื่อยมา ได้เกิดคดีต่างๆ และค้นพบบุคคลสำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพวกชายชุดดำ หรือองค์กรชุดดำมากขึ้น ไฮบาระ ไอ หรือ มิยาโนะ ชิโฮะ ผู้ประดิษฐ์คิดค้นยาAptx4869  เธอได้ทรยศองค์กร เพราะว่ายิน ได้สังหารพี่สาวของเธอมิยาโนะ อาเคมิ โดยไม่ให้คำอธิบายต่อเธอ เธอจึงถูกควบคุมตัวแล้วขังในห้องก๊าซเพื่อรอคำสั่งประหารชีวิตเท่านั้น เธอคิดว่ายังไรก็คงตายจึงกรอกยาที่เธอประดิษฐ์ขึ้นAptx4869 แล้วกลับเป็นเด็กแล้วออกมาจากช่องทิ้งขยะในห้องขัง แล้วได้มาอยู่บ้านของดร.อากาสะ เพื่อคิดค้นยาถอนพิษของ Aptx4869

โคนันได้ทำความรู้จักกับพนักงานสืบสวน FBI ได้แก่ โจดี้ สตาร์ลิ่ง, อากาอิ ชูอิจิ, และเจมส์ แบล็ค ซึ่งมีจุดประสงค์สืบสวนเกี่ยวกับองค์กรชุดดำ โคนันยอดนักสืบ ได้เผชิญซึ่งๆหน้ากับ คริส วินยาร์ด หรือเบลม็อท หนึ่งในสมาชิกขององค์กรชุดดำ โคนันหวังว่าจะเป็นไปตามแผนที่จะจับคริส วินยาร์ดให้กับตำรวจ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ โดยหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวโคนันได้เบาะแสว่า เพลงนานาซึโนะโกะ (ลูกทั้ง 7) เป็นหมายเลขติดต่อถึงหัวหน้าขององค์กรชุดดำได้ แต่ไฮบาระออกมาเตือน และบอกว่า เป็นกล่องของแพนโดร่าที่จะเปิดออกมาไม่ได้
อย่างไรก็ดี ยอดนักสืบจิ๋วโคนันยังไม่มีข้อมูลตอนจบที่ชัดเจน
แหล่งที่มา https://dusittaoum.wordpress.com/

ประวัติการ์ตูนโดเรม่อน

ประวัติอย่างละเอียด
Doraemon : โดเรม่อน
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันที่เริ่มต้นพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่อง "Doraemon" ในประเทศญี่ปุ่น โดยจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ที่ใช้นามปากการ่วมกัน ว่า ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ โดยตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ศตวรรษที่ 22 ซึ่งจินตนาการให้เป็นแมวตัวกลมๆ มีความสามารถพิเศษ และกระเป๋าวิเศษที่บรรจุของมากมาย จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ชาย ที่ขี้แย ไม่เอาไหน คนนึง และสอดแทรกคติธรรมเข้าไป ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการ สร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบาก และกดดัน เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ บังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด
การ์ตูนเรื่องโดเรม่อน มีจุดเด่นในเรื่องของจินตนาการ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในโลกอนาคต ที่ผู้อ่านทั่วไปคาดไม่ถึง จากปลายปากกาของ อ. ทั้งสอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งสอดแทรกศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเข้าไปในตัวการ์ตูน แบ่งลักษณะนิสัยของคนออกมาในแต่คาแร็คเตอร์ได้อย่างลงตัว เหมือนกับนำเอาชีวิตจริงของผู้อ่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ์ตูนด้วย ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงเป็นที่นิยม อ่านได้ทุกเพศทุกวัย จนทำให้มีการพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้มากมาย สามารถขายได้ถึง 100 ล้านเล่มใน ญี่ปุ่น และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ถึง 9 ภาษา รวมทั้งภาษาไทยอีกด้วย นอกจากการ์ตูนแล้ว โดเรม่อน ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนต์ทางจอเงิน และจอแก้วมากมายหลายตอน โดยฉายครั้งแรกที่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2524 และฉายที่ประเทศไทยเราครั้งแรก วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2525
ของวิเศษที่โดเรม่อนใช้บ่อยๆ
คอปเตอร์ไม้ไผ่
คัปเตอร์ไม้ไผ่ ทำจากไม้ไผ่ ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "Take (ไม้ไผ่) Koputa (คัปเตอร์) " เมื่อจะใช้ก็นำไปวางไว้บนหัวจะทำให้สามารถบินได้ เป็นเครื่องมือที่โนบิตะและโดราเอม่อนใช้เกือบทุกตอนเพราะใช้งานง่ายและไม่ค่อยมีอันตราย สามารถบินได้ในระยะทาง 600 กม. และความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อชม. เช่นสามารถใช้บินจากโตเกียวถึงโอซาก้าในเวลาประมาณครึ่งชม.
ประตูสารพัดสถานที่
หากเปิดประตูนี้ออกแล้วพูดชื่อว่าจะไปที่ไหนประตูก็จะเปิดออกไปยังสถานที่นั่นทันที ประตูเป็นประตูไม้ในแบบโบราณ เป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายที่สุด ของวิเศษชิ้นนี้ถูกใช้บ่อยๆ ทำให้เราได้เห็นสถานที่ต่างๆ ในการ์ตูนได้มากมายหลายที่ ตามจินตนาการ
ไฟฉายย่อส่วน
รูปร่าง และวิธีใช้คล้าย ๆ กับไฟฉายทั่ว ๆ ไป ใช้สำหรับย่อสิ่งของหรือขยายสิ่งของให้ใหญ่หรือเล็กก็ได้ มีประโยชน์มาก และโดเรม่อนก็นำมาใช้บ่อยๆ อีกด้วย
ไทม์แมชชีน
เครื่องทาม์แม็คชีนเป็นพาหนะที่สามารถใช้เดินทางย้อนเวลาไปอดีต หรือ เดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตได้ โดยทางเข้าและทางออกจะอยู่ในลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะ โดราเอม่อนและเพื่อนๆ สามารถใช้เดินทางไปอนาคตได้ แต่ว่าเครื่องนี้ก็ไปส่งผิดที่ผิดเวลาบ่อย ๆ
ตอนจบ โดเรมอนว่ากันว่ามีสองแบบ
วันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันธรรมดาทั่ว ๆ ไป โนบิตะกลับมาจาก โรงเรียน ขึ้นไปยังห้องนอน และพบโดเรมอนกำลังนอน หลับอยู่เหมือนปกติ นี่ ! โดเรมอน ตื่นมาเล่นกันเถอะ แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะคิดว่าโดเรมอนคงเหนื่อยมาก จึงปลุกไม่ตื่น ดังนั้นโนบิตะจึงออกไปเล่นกับ ชิซูกะ และ เพื่อนคนอื่น หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงโนบิตะกลับมายังบ้าน แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะรู้สึกแปลกใจ และพยายามปลุกโดเรมอนแต่ก็ไม่ปฎิกริยาใด ๆ ทั้งสิ้นจากโดเรมอน โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัวและเหนื่อยที่จะปลุกโดเรมอน โนบิตะพยายามทำทุกอย่างแต่โดเรมอนก็ไม่ยอมตื่น โนบิตะรู้แล้วว่า มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปและมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โนบิตะเริ่มร้องไห้โฮแต่โดเรมอนก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว และแล้วโนบิตะก็คิดอะไรขึ้นมาได้ 1 อย่าง และกระโดดเข้าไปในโต๊ะที่มีไทม์แมชชีน และ โนบิตะก็ได้ไปในอนาคตเพื่อที่จะพบโดเรมีน้องสาวของโดเรมอน โนบิตะขอร้องให้โดเรมีช่วยและฝืนใจโดเรมีให้กลับมาในปี 1998 หลังจากที่มาถึง โดเรมีก็ได้เข้าไปตรวจสอบในตัวโดเรมอนว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที โดเรมีก็บอกโนบิตะว่า แบตเตอร์รี่หมดโนบิตะถูกทำให้เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นและถามโดเรมีเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่า
แบตเตอรี่หมดหรือ ? อย่างงั้นโดเรมอนก็ไม่เป็นไรสิ ใช่ไหม? ถ้างั้น ช่วยเปลี่ยยแบตเตอร์รี่ใหม่ให้หน่อยทำให้โดเรมอนกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม โดเรมีมองมาที่โนบิตะ และสั่นหน้า แล้วพูดว่าฉันควรจะเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่หรือ โนบิตะจึงถามกลับว่า ทำไมโดเรมีจึงพูดอย่างนั้น โดเรมีจึงตอบ ว่า แบตเตอร์รี่หลักของโดเรมอนอยู่ตรงนี้ ใกล้กับกระเป๋าและก็ถูกใช้หมดแล้ว แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีแบตเตอร์รี่สำรองอยู่ที่หูแต่อย่างทีรู้ ๆ กันอยู่ว่า หูทั้งสองข้างของโดเรมอนถูกหนูกินไปเมื่อหลายปีก่อนดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีแบตเตอรรี่สำรอง โนบิตะ จึงถามโดเรมี เธอหมายความว่าไงน่ะ ฉันหมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่โดเรมอนจะสูญเสียความจงจำทั้งหมดเกี่ยวกับโนบิตะตลอดกาล แล้วฉันควรจะเปลี่ยนหรือ อะไรนะ โนบิตะปิดตาแล้วก็ร้องไห้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที โนบิตะก็หยุดร้อง และพูดเบา ๆ กับโดเรมีว่า ขอบคุณมาก ผมจะจัดการส่วนที่เหลือเอง เธอควรจะกลับไปยังอนาคตได้แล้วโดเรมีไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็เข้าไปกอดโนบิตะ แล้วโดเรมีก็ลาโนบิตะกลับบ้าน หลังจากที่โดเรมีกลับไปแล้ว โนบิตะก็อุ้มโดเรมอนไปไว้บนชั้น
---- หลายปีผ่านไป------------
ในปี 2010 โนบิตะโตเป็นผู้ใหญ่ ตั้งแต่วันนั้น โนบิตะก็เปลี่ยนแปลงและเรียนหนังสืออย่างหนัก และก็ไม่เคยร้องไห้อีก และเขาอยู่โดยไม่มีโดเรมอนโนบิตะบอกชิซูกะ และ เพื่อนๆ ทั้งหลายว่า โดเรมอนต้องกลับไปยังอนาคตและไม่สามารถมา พบเพื่อน ๆ ทั้งหลายได้อีกแล้วชิซูกะประทับใจในตัวโนบิตะที่มีความเปลี่ยนแปลง และต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิงและทั้งสองก็รักกัน แล้วแต่งงานกัน โนบิตะเป็นนักวิทยาศาสตร์และทำห้องของเขาเป็นห้องทดลอง และเขาก็ได้ตั้งใจทำงานอย่างหนักในงานของเขาและห้ามไม่ให้ชิซูกะ เข้ามายังห้องทดลอง และแล้ววันหนึ่งโนบิตะก็เรียกให้ชิซูกะเข้ามายังห้องทดลอง และมันเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะเข้ามายังห้องของสามีของเธอในขณะที่เธอเข้ามายังห้อง เธอถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเธอเห็นโดเรมอนเพื่อนเก่าของเธอที่เคยเล่นด้วยกัน ในตอนที่ยังเป็นเด็กโดเรมอนไม่ขยับ และ เหมือนกับกำลังหลับ ดูนี่! ชิซูกะผมจะเสียบปลั๊กแล้วนะโนบิตะเปิดสวิตช์หลัก บนตัวของโดเรมอน โดเรมอนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเป็นเป็นช่วงที่ ทำให้เข้าใจได้ว่าใครเป็นผู้ที่คิดค้นโดเรมอนขึ้นมาซึ่งก็คือโนบิตะนั่นเอง เขาเรียนอย่างหนัก เพื่อที่ว่าจะได้พบ และพูดคุย กับโดเรมอนเพื่อนรักของเขา ที่มารู้จักกัน แล้วก็จากไป
โนบิตะเป็นผู้หนื่งที่ได้สร้างโดเรมอนขึ้นมาเขาคิดค้นโปรแกรม และโครงสร้างทั้งหลาย สำหรับหุ่นยนต์โดเรมอน โนบิตะและชิซูกะร้องไห้อย่างเงียบ ๆ โดเรมอนก็ลืมตาขี้น และก็พูดว่า โนบิตะนายทำการบ้านเสร็จแล้วหรือ มันเหมือนกับมี ก้อนเมฆสีขาวก้อนเดิม อยู่บนท้องฟ้าช่างเหมือนกับเวลาแห่งความทรงจำในอดีต ที่พวกเขามีร่วมกัน
ตอนจบของโดเรม่อน แบบที่ 2
ตอนจบของเรื่องที่อาจารย์ ฟูจิโกะ และฟูจิโอะร่างไว้เป็น ตอนจบจริงๆของ โดเรมอนไม่ใช่ โดเรมอน กลับอนาคตหรอก... จริงๆแล้วของ original ที่ อ.ฟุจิโกะ เขียนเป็น story board ไว้ก่อนที่จะอ.จากไป วันหนึ่ง ฉากในโรงพยาบาล โนบิตะตื่นขึ้นมา และเจอพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ครบทุกคนยืนอยู่รอบเตียง แล้วโนบิตะก็ถามถึงโดเรมอน ทุกคนกลับปฎิเสธว่า ไม่รู้จักและบอกโนบิตะว่า โนบิตะหลับมานานเป็นปีแล้วเนื่องจากไม่สบาย และโนบิตะก็นึกย้อนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโดเรมอน ทั้งการผจญภัยต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความฝันเท่านั้นโดเรมอน เซวาสึ โดเรมี ล้วนเป็น ความฝันของเขาทั้งสิ้น โนบิตะเป็นเด็กที่ไม่แข็งแรง และไม่มีเพื่อนรักที่ จะอยู่ด้วย เขาต้องนอนโรงพยาบาลตลอดเวลาและเขาก็หลับไป ฉากต่อมา เริ่มที่ พ่อแม่และเพื่อนๆของโนบิตะร้องไห้กันอยู่ในงานศพของ โนบิตะ..เขาจากไปก่อนวัยอันควร..และเรื่องราวทุกอย่างก็จบลง ที่โนบิตะฝันถึงโดเรมอนและอนาคตนั้นเป็นเพราะเขารู้ดีว่า เขาจะต้อง ตายในอีกไม่นาน เขาจึงอยากที่จะมีอนาคตมีเพื่อนรัก มีการผจญภัยสนุกสนาน แต่ฝันของเขาก็ไม่มีวันเป็นจริง... ตลอดไป......
ตอนนี้เป็นเพียงตอนที่ยังไม่ตกลงว่าจะออกพิมพ์หรือทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน แต่อย่างใด เพราะคงไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้
ประวัติผู้แต่งประวัติย่อของ อ. ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ
ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เป็นนามปากการ่วม ของ อ. ทั้งสองท่านที่เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ คือ
  • อ. ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ เกิด 1 ธันวาคม 2476 ณ เมือง ทาคาโอกะ โทยามะ
  • อ. อาบิโกะ โมโตโอะ เกิด 10 มีนาคม 2477 ณ เมือง ไฮโอมิ โทยามะ
อาจารย์ทั้งสอง รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งทั้งสองมีความสนใจในงานเขียนการ์ตูนมาก และได้เขียนการ์ตูนในงานส่งอาจารย์ร่วมกัน จึงกระทั่งถึงชั้นมัธยมศึกษา
ในปีพ.ศ.2495 ท่านทั้งสองได้เปิดตัวหนังสือการ์ตูนเล่มแรกชื่อ "เทนชิโนะ ทามาซัง" สู่สาธารณะชน และเริ่มใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ"
ในปีพ.ศ.2497 ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงโตเกียว หลังจากนั้น 2 ปี ท่านทั้งสองก็ได้ร่วมกับนักเขียนการ์ตูนท่านอื่น (ฟูจิโอะ อาคัสซูกะ และ ไซโอทาโร่ อีชิโมริ)เปิดบริษัทชื่อ 'ชินแมงกาโตะ' หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่ม ทำการ์ตูนเคลื่อนไหว และ ได้จัดทำ 'สตูดิโอ-ซีโร่'
ในปีพ.ศ.2506 และในปีต่อมา การ์ตูนเรื่อง "โอเบเกะโนะ คิวทาโร่ (ผีน้อยคิวทาโร่)"ที่ใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ" ก็มีชื่อเสียง และ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ท่านอาจารย์ได้เขียนการ์ตูนอย่างจริงจัง จนในที่สุดก็เป็นที่รู้จักกันไปทั้วโลก และ ได้รับรางวัล หลายรางวัลจากการ์ตูนของแก ตัวอย่างการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายได้แก่ "นินจาฮาโตริ, ปาแมน, ยูเมโบชิ เดงกะ, มาทาโระกาคูรุ, ศาสตราจารย์กอล์เฟอร์ ซารุ และ โดเรม่มอน
ประมาณสิ้นปีพ.ศ.2530 ท่านอาจารย์ทั้งสองก็ได้แยกตัวอิสระและใช้นามปากกาของตัวเอง โดยอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้ใช้นามปากกา Fujiko Fujio (A) ส่วนอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เปลี่ยนมาใช้ Fujiko Fujio(F) และ ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ Fujiko F. Fujio
ท่านอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้เสียชีวิต ในปีพ.ศ.2531
ส่วนท่านอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เสียชีวิต ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2539
เนื้อเพลง โดเรมอนนะ
(เนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่น)
คอนนะโคะโตะอิอินะ เดะคิตะระอิอินะ
อันนะยูเมะคอนนะยูเมะ อิพพะอิอะรูเคะโด
มินนะมินนะมินอินะ คะนะเอะเตะคุเระรุ
ฟูชิงินะพกเก็ตโตะดะ คะนะอิเตะคูเระรู
โซราจิยูนิ โทบิตะอินะ
ฮาอิ ทาเคะคอปต้า
อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ..มอนน...
(เนื้อเพลงแปลเป็นภาษาไทย)
เรื่องอย่างนี้ดีจังเลย ถ้าทำได้ละก็ยอดไปเลยนะ
ความฝันเหล่านี้ เหล่านั้น มีตั้งเยอะตั้งแยะแน่ะ
ทุกคนก็เป็นคนดี มาเติมฝันเหล่านั้นให้เต็ม
ด้วยกระเป๋าวิเศษนี้ มาช่วยเติมฝัน
อยากบินได้อย่างอิสระบนท้องฟ้าจังเลยนะ
ไฮ้ { นี่ไง ( เสียงของโดเรม่อน ) } คอปเตอร์ไม้ไผ่
อัง อัง อัง ชอบมากๆ เลยล่ะ โดราเอม่อน
โดเรามอนชุดพิเศษ
>> ไดโนเสาร์ของโนบิตะ
>> บุกดินแดนมหัศจรรย์
>> ตะลุยปราสาทใต้สมุทร
>> ตะลุยแดนปีศาจ
>> สงครามอวกาศ
>> ผจญกองทัพมนุษย์เหล็ก
>> เผชิญอัศวินไดโนเสาร์
>> ตะลุยดาวต่างมิติ
เหตุที่โดเรมอนกลัวหนู
โดเรม่อนเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2112 ที่โรงงานหุ่นยนต์ มีตัวสีเหลืองแต่แล้ว วันหนึ่งก็ถูกหนูกัดหู ก็เปลี่ยนสีอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน โดราเอมอนก็กลัวหนูตั้งแต่นั้นมา
ต้นคิด โดเรมอน
วันหนึ่งในปี พ.ศ. 2512 อาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ต้องเขียนการ์ตูนเรื่องใหม่ ดังนั้นท่านจึง ได้ไปปรึกษากับ อาจารย์โมโตโอะ อาบิโกะ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอกลับบ้าน อาจารย์ฟูจิโมโตะ ก็ยังคิดไม่ได้ว่าจะเขียนการ์ตูนอะไรดี ตอนนั้น...เนื่องจากใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้ว ท่านง่วงและเผลอหลับไป
เช้าวันต่อมา...อาจารย์ฟูจิโมโตะถูกปลุกด้วยแมวที่บ้านและนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คิดการ์ตูนเรื่องใหม่ อาจารย์รีบวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง แต่ก็สะดุดอะไรบ้างอย่าง อาจารย์ฟูจิโมโตะสะดุดตุ๊กตาของลูกสาวของเขานั่นเอง และนั่นทำให้อาจารย์เกิดไอเดีย โดยนำแมว และ ตุ๊กตา มาผสมกัน
ในที่สุด อาจารย์ฟูจิโมโตะก็คิดออกว่า การ์ตูนเรื่องใหม่ที่จะเขียนเป็น เรื่องอะไร จากนั้นไอเดียเริ่มพุ่งกระฉูด โนบิตะและตัวการ์ตูนอื่นๆก็เริ่มตามมา ในที่สุดโดเรม่อนก็กลายเป็นการ์ตูนยอดฮิตของเด็กๆ


Doraemon : โดเรม่อน
โดเรม่อน หรือโดราเอม่อน เป็นแมวหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ยุคศตวรรษที่ 22 เกิดวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2655 มีน้ำหนัก 129.5 กก. ความสูง 129.3 ซม. กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม. ลักษณะตัวอ้วนกลมสีน้ำเงิน ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูกิน ไม่มีนิ้วมือ มีกระดิ่งห้อยคอสีเหลือง มีหนวดหกเส้น มีกระเป๋าหน้าสำหรับเก็บของวิเศษ สารพัดอย่างที่สุดยอด อาหารที่ชอบที่สุดคือ แป้งทอด (โดรายากิ) สิ่งที่กลัวที่สุดคือ หนู
Nobita : โนบิตะ
โนบิตะ เป็นตัวละครหลักของเรื่อง เป็นเด็กผู้ชายขี้แยคนนึง เป็นคนไม่เอาถ่าน อ่อนแอ ไม่เคยพึ่งพาตนเอง เรียนหนังสือไม่เก่ง สอบได้ 0 บ่อยๆ มาโรงเรียนสายประจำ ถูกทำโทษบ่อยครั้ง ถือว่าเป็นตัวละครที่แย่มากๆ โนบิตะหลงรักชิซูกะ ซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน มีความหวังที่จะได้แต่งงานด้วยเมื่อเขาโตขึ้น แต่ก็มักจะมีอุปสรรค และมีคู่แข่งหลายคนเนื่องจากชิซูกะ เป็นเด็กน่ารัก และด้วยความอ่อนแอของโนบิตะเอง แต่โนบิตะ ได้เพื่อนรักคือโดเรม่อนคอยช่วยเหลือ ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
Shizuka : ชิซูกะ
ชิซูกะ เป็นนางเอกของเรื่อง จัดว่าเป็นตัวละครที่น่ารักมาก เป็นที่หมายปองของเด็กทั่วไป รวมทั้งโนบิตะด้วย ซึ่งเขาหวังจะแต่งงานด้วยในอนาคต ชิซูกะเป็นคนที่ตรงข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง เธอเป็นคนเรียนเก่ง สอบได้คะแนนดีมาก ชอบดนตรี และสิ่งที่ชอบมากที่สุดการได้อาบน้ำ ในอนาคตชิซูกะได้แต่งงานกับโนบิตะจริงๆ แต่โนบิตะในอนาคต เป็นโนบิตะที่เป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบ และเป็นคนดีจริงๆ สำหรับชิซูกะ
Zuneo : ซูเนโอะ
ซูเนโอะ เป็นตัวละครที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเจ้าเล่ห์ คล้ายๆ สุนัขจิ้งจอก ปากแหลม ชอบยุให้ไจแอนท์ รังแกโนบิตะ ซูเนโอะเป็นคนที่ชอบคุยโวโอ้อวด เนื่องจากเป็นคนมีฐานะร่ำรวย สิ่งที่เพื่อนๆ อยากได้ เขามีครบทุกอย่าง มักมีของแพงๆ มาอวดเพื่อนๆ มีญาติพี่น้องที่ค่อนข้างฐานะดี มีชื่อเสียง มักจะหาเรื่องแกล้งโนบิตะบ่อยๆ เนื่องจากเขาเองก็หลงรักชิซูกะด้วยเหมือนกัน
Dekizugi : เดคิซูกิ ไจแอน
เดคิซูกิ เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ตรงกันข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง รูปหล่อ เรียนเก่ง ขยัน อุปนิสัยดี เป็นที่หมายปองของเด็กหญิงทั่วไป เดคิซูกิ ชอบมาติวหนังสือให้กับชิซูกะเสมอ ทำให้โนบิตะต้องอิจฉา นอกจากนี้เขายังเป็นนักกีฬาและเป็นที่รักของคนทั่วไปอีกด้วย แต่บทบาทของเขาจะน้อยกว่าโนบิตะมาก
Dorami : โดเรมี
โดเรมี หุ่นยนต์น้องสาวของโดเรม่อน โดเรมีถูกสร้างขึ้นมาทีหลังโดเรม่อน ถือว่าเป็นรุ่นใหม่กว่า ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าโดเรม่อน โดเรมี จะมีตัวสีเหลือ หูสีแดง มีกระเป๋าเก็บของวิเศษเหมือนโดเรม่อน แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดเรมีจะอยู่ในโลกอนาคตมากกว่า ไม่ค่อยปรากฏในโลกปัจจุบัน ยกเว้นในกรณีเหตุการณ์คับขัน ที่โดเรม่อนไม่สามารถแก้ไขได้ โดเรมีก็จะมาคอยช่วยเหลือเสมอๆ